วันเสาร์ที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

เกร็ดความรู้เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และสิ่งที่น่าสนใจ

ประวัติของคอมพิวเตอร์ 


เครื่องคอมพิวเตอร์นับได้ว่าเป็นสิ่งประดิษฐ์ที่มีความสลับซับซ้อน ( Conplexity ) น่าอัศจรรย์ที่มีความสามารถยิ่ง ซึ่งนับวันจะสูงขึ้นด้วยเทคโนโลยีที่พัฒนาก้าวไปอย่างรวดเร็วเมื่อเทียบกับอดีต คอมพิวเตอร์นับว่าเป็นสิ่งประดิษฐ์ที่มีประวัติศาสตร์อันน่าศึกษา เริ่มจากเดิมมนุษย์ดำเนินชีวิตโดยไม่มีการบันทึก จนกระทั่งการพาณิชย์มีการพัฒนาขึ้น พ่อค้าชาวแบบีลอน (Babylonian) ได้มีการจดบันทึกข้อมูลต่างๆ ลงบน clay tablets สำหรับการคำนวณ อุปกรณ์คำนวณในยุคแรกได้แก่ ลูกคิด ซึ่งปัจจุบันก็ยังมีใช้อยู่ 
จนกระทั่งในปี พ.ศ. 2185 นักคณิตศาสตร์ชาวฝรั่งเศส Blaise Pascal ได้สร้างเครื่องกลสำหรับการคำนวณชื่อ pascaline ในปี พ.ศ. 2215 Gottfried Von Leibniz นักคณิตศาสตร์ชาวเยอร์มันได้พัฒนา pascaline โดยสร้างเครื่องที่สามารถ บวก ลบ คูณ หาร และถอดรากได้ แต่ก็ไม่มีผู้ใดทราบว่ามีความแม่นยำขนาดไหน ต่อมาในปี พ.ศ. 2336 นักคณิตศาสตร์ชาวอังกฤษ Chales Babbage ได้สร้างดิฟเฟอเรนซ์แอนจิน difference engine ที่มีฟังก์ชันทางตรีโกณมิติต่างๆ โดยอาศัยหลักการทางคณิตศาสตร์ และคิดว่าจะสร้างแอนะลีติคอลเอนจิน (analytical engine ) ที่มีหลักคล้ายเครื่องคอมพิวเตอร์ทั่วไปในปัจจุบัน จึงมีผู้ยกย่องว่าเป็นบิดาของคอมพิวเตอร์และเป็นผู้ริเริ่มวางรากฐานคอมพิวเตอร์ในปั
จจุบัน
ปี พ.ศ. 2439 Herman Hollerith ได้คิดบัตรเจาะรูและเครื่องอ่านบัตร จนกระทั่วในปี พ.ศ. 2480 Howard Aiken สร้าง automatic calculating machine เพื่อเชื่อมโยงเทคโนโลยีทั้งทาง electrical และ mechanical เข้ากับบัตรเจาะรูของ Hollerith ด้วยความช่วยเหลือของนักศึกษาปริญญาและวิศวกรรมของ IBM สำเร็จในปี พ.ศ. 2487 โดยใช้ชื่อว่า MARK I การทำงานภายในตัวเครื่องถูกควบคุมอย่างอัตโนมัติด้วย electromagnetic relays และ arthmetic counters ซึ่งเป็น mechanical ดังนั้น MARK I จึงนับเป็น electromechanical computers และต่อมา Dr. John Vincent Atanasoff และ Clifford Berry ได้สร้างเครื่อง ABC ( Atanasoft-Berry Computer ) โดยใช้หลอดสูญญากาศ ( vacuum tubes) และในปี พ.ศ. 2483 Dr.John W. Mauchy และ J. Presper Eckert Jr. พัฒนาเพิ่มเติมบนหลักการออกแบบพื้นฐานของ Dr. Atanasoff เพื่อสร้าง electronic computer เครื่องแรกชื่อ ENIAC แต่ยังไม่เป็นคอมพิวเตอร์ชนิดเก็บโปรแกรมได้ ( stored program ) จึงได้รับการพัฒนาเป็นเครื่อง EDVAC ซึ่งอาศัยหลักการ stored program สมบูรณ์และได้มีการพัฒนาเป็นเครื่อง EDSAC และพัฒนาเป็นเครื่อง UNIVAC ( Universal Automatic Computer ) ในที่สุด
ถ้าจะจำแนกยุคของคอมพิวเตอร์ ( Computer generations ) โดยแบ่งตามเทคโนโลยีของตัวเครื่องกับเทคโนโลยีการเก็บข้อมูลแล้วก็จะพอจะพิจารณาได้คือยุคแรก ใช้เทคโนโลยีของหลอดสูญญากาศ เป็นแบบบัตรเจาะรู
ยุคที่สอง ใช้เทคโนโลยีของทรานซิสเตอร์เป็นแบบเทป ลักษณะเป็นกรรมวิธีตามลำดับ ( Sequential Processing )
ยุคที่สาม ใช้เทคโนโลยีของไอซี (integrated circuit, IC) เป็นแบบจานแม่เหล็กลักษณะเป็นการทำงานหลายโปรแกรมพร้อมกัน ( Multiprogramming ) และออนไลน์ ( on-line)
ยุคที่สี่ ใช้เทคโนโลยีของวงจรรวมขนาดใหญ่ ( Large-scale integration,LSI ) ของวรจรไฟฟ้า ผลงานจากเทคโนโลยีนี้คือ ไมโครโปรเซสเซอร์ ( microprocessor ) กล่าวได้ว่า "Computer on a chip" ในยุคนี้
จากอดีตถึงปัจจุบัน คอมพิวเตอร์ได้พัฒนามาอย่างรวดเร็วทำให้วิทยาการด้านคอมพิวเตอร์มีการพัฒนาเปลี่ยนแป
ลงอยู่ตลอดเวลา กล่าวได้ว่าโลกของวิทยาการคอมพิวเตอร์นั้นมีการเคลื่อนไหวเสมอ ( dynamics) และไม่ค่อยยืดหยุ่น ( rigid ) มากนัก เช่น ถ้ามีความผิดพลาดเพียงเล็กน้อย บางครั้งอาจเป็นบ่อเกิดปัญหาที่ใหญ่โตมหาศาลได้ นอกจากนี้ยังนับได้ว่าเป็นโลกที่ควบคุมไม่ได้ หรือสามารถจัดการได้น้อย กล่าวคือ ทันทีที่ทำงานด้วยโปรแกรม เครื่องก็ปฏิบัติงานไปตามโปรแกรมด้วยตนเอง ขณะนั้นมนุษย์ไม่สามารถควบคุมได้

เครดิต : หนังสือวิทยาการคอมพิวเตอร์เบื้องต้น 



เกร็ดความรู้และสิ่งที่น่าสนใจ




               10 อันดับการทำข้อสอบแบบแนวๆ
                    (ไม่ควรเอาเยี่ยงอย่าง)


อันดับ 10  มืด 8 ด้าน

ไม่รู้จะบรรยายไงดี แต่ขอบอกว่า อาจารย์ให้ค่ามุกไปตั้ง 1 คะแนนแน่ะ เอาเป็นว่า ดูกันฮาๆคลายเครียด แต่ไม่แนะนำไปทำในห้องสอบ เพราะถ้าอาจารย์ไม่ฮาด้วย งานนี้ ตัวใครตัวมัน!!



อันดับ 9  สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม

เป็นการเชือดเฉือนกันด้วยธรรมะกันเลยทีเดียว ....เมื่อลูกศิษย์ร้องขอความเมตตา ด้วยสุภาษิต 'เมตตาธรรมค้ำจุนโลก' (ให้คะแนนผมเถอะ) แต่อาจารย์ก็ใช่เบา สวนกลับด้วยสุภาษิต 'สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม' (ทำได้แค่นี้ ก็เอาคะแนนไปเท่านี้)



อันดับ 8  วัดใจ เสี่ยงดวง

ออกแนวเกมวัดดวงกันเลยครับสำหรับรายนี้ สงสัยพี่แกกะว่า เลือก C รวดทั้งร้อยข้อ ขี้หมูขี้หมามันต้องมีข้อถูก ...แต่เผอิญมันซวยตรงที่ อีตานี่คงอ่านโจทย์ไม่ดี ข้อสอบมันเป็นแบบถูกผิด ถ้าถูกเลือก A ถ้าผิดเลือก B แต่อีตานี่ดันโซโล่ C ทั้งร้อยข้อ (จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด -*-)




อันดับ 7  เทพ vs noob

เปลี่ยนมาดูวิชาภาษาอังกฤษกันบ้าง ...ผมว่าเจ้าของกระดาษคำตอบแผ่นนี้คงติดเกมออนไลน์แหงมๆ (สำหรับคนไม่เข้าใจมุก .. ภาษาของคนที่เล่นเกมออนไลน์ คำว่า pro หมายถึง คนที่เล่นเก่งๆ หรือทีเรียกว่า 'เทพ' นั่นแหละครับ ส่วน คำว่า noob มาจาก newbie หมายถึง คนเล่นไม่เก่ง หรืออ่อนหัด อะไรทำนองนั้น)



อันดับ 6 หยาบคาย

รายนี้ก็ออกแนวสติแตกแบบข้างบน แต่ออกเป็นแนวถ่อย สุดท้ายนอกจากไม่ได้คะแนน โดนอาจารย์เรียกพบอีกต่างหาก



อันดับ 5 ตายดีกว่า

น่าเห็นใจคนนี้มากที่สุด เพราะดูเค้าพยามแล้ว แต่ประมาณคิดไปคิดมาแล้วมันตันไปต่อไม่ได้ยังไงไม่ทราบ เฮียแกเลยสติแตก ผูกคอตายบนเครื่องหมายรากมานซะเลย .... ไปสู่สุขตินะเฮีย




อันดับ 4 จงกระจาย

อันนี้เห็นแล้วอยากกรี๊ดเป็นภาษาไนจีเรีย โจทย์บอกจงกระจาย ไอคนทำ มันก็กระจายจริงๆ ,,, เขาบอกกระจายเป็นพจน์ว้อยยย ไม่ใช่กระจายตัวหนังสือ




อันดับ 3 sinx/n = 6

อันนี้ไม่ต้องมีคำบรรยายใดๆให้มันลึกซึ้ง คนแก้สมการตัดตัวเลขมันมือไปหน่อยยังไงไม่ทราบ ดันไปตัด 1/n กับ ตัว n ของคำว่า sin แล้วเผอิญมันกลายเป็นคำว่า six ก็เลยตอบ 6 ไปซะดื้อๆ ฮ่วย!




อันดับ 2 ลิมิตตะแคงข้าง

อันนี้ ถ้าเรียนแคลคูลัสแล้วจะช่วยให้ฮายิ่งขึ้น .. ก็คือ อาจารย์คนนี้แกสอนเด็กว่า ถ้าลิมิตเข้าใกล้ a ของ 1/(x-a) แล้ว คำตอบมันจะได้เท่ากับ อินฟินิตี้ แล้วแกก็ยกตัวอย่างกรณี a=8 .. และปลากด(ปรากฎ) ว่า ไอเครื่องหมายอินฟินิตี้ มันดันไปเหมือนกับเลข 8 ตะแคงข้าง ,,, เด็กมันก็เลยเข้าใจว่า คำตอบของโจทย์ทำนองนี้ ก็คือ ให้เอาตัวเลขไปตะแคงข้าง พอลิมิตเข้าใกล้ 5 ปุ๊บ มันก็ตอบเป็น เลข 5 ตะแคงข้างทันที เออ เอากับมัน



และ



อันดับ 1  จงหา x ?

แหมะ โจทย์เขาสั่งให้หา x มันก็วงกลมล้อมรอบ แล้วมีการเขียนบอกว่า 'อยู่นี่ไง' อีกต่างหาก ….ผลคือ ได้ 0 แบบไม่ต้องสืบ

Credit : Fwdder

อ่านต่อ : http://www.dek-d.com/board/view.php?id=2056634#ixzz1EPJKVqTu

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น